วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ฮอกกี้

ฮอกกี้ (อังกฤษHockey) เป็นกีฬาแข่งขันกันระหว่าง 2 ทีม มีผู้เล่นฝ่ายละ 11 คน โดยการตีลูกบอล ที่มีลักษณะกลม แข็ง ที่เรียกว่า ลูกพัค (puck) ให้เข้าโกลด์ตะข่ายของฝั่งตรงกันข้าม โดยจะให้ลูกบอลถูกส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไม่ได้ เว้นผู้รักษาประตูที่มีสิทธิใช้เท้าเตะและมือปัดลูกบอลได้แต่ก็เฉพาะในเขตที่ยิงประตูเท่านั้น การยิงประตูที่ถือว่าได้ประตูต้องเป็นการยิงจากภายในเขตประตู คือภายในเขต 16 หลา โดยมีเส้นโค้งเป็นเครื่องหมาย เรียกกันเป็นที่เข้าใจว่าหัวกะโหลก คือจะต้องพาลูกเข้าไปยิงประตูภายในหัวกะโหลกนั้น



ประวัติ

ฮอกกี้เป็นกีฬาเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่ากีฬาประเภทนี้เริ่มมาจากประเทศใดก่อน มีหลักฐานภาพวาดอียิปต์โบราณเก่าแก่ 4000 ปีที่มีลักษณะคล้ายกีฬาฮอกกี้ และอีกหลักฐานประมาณ 44 ปี ก่อนคริสต์ศักราช พบหลักฐานโดยชาวกรีกโรมัน สมัยโบราณได้เล่นกีฬานี้กันอยู่แล้ว อุปกรณ์การเล่นและวิธีเล่นคล้ายคลึงกับการเล่นฮอกกี้ในสมัยปัจจุบัน แต่แตกต่างกันที่ไม้ตีฮอกกี้สมัยกรีกและโรมันจะสั้นกว่าในปัจจุบัน ลูกบอลสมัยนั้นทำด้วยหนัง ภายในอัดด้วยขนสัตว์
ต่อมากีฬาฮอกกี้ได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศอังกฤษ ช่วงแรกได้เข้าสู่โรงเรียนประถม และเริ่มมีการเปิดคลับแรกในปี พ.ศ. 2392 ที่ Blackheath ใน south-east ลอนดอน และมีประชาชนสนใจอย่างจริงจังในศตวรรษที่ 19
การเล่นฮอกกี้สมัยปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิดคือ ฮอกกี้ที่เล่นกันบนสนามหญ้าและฮอกกี้ที่เล่นกันบนลานน้ำแข็ง (Indoor Hockey หรือ Shake Hockey หรือ Ice Hockey) ต่อมาในประเทศอังกฤษ ประมาณปี พ.ศ. 2428 ได้จัดให้มีการแข่งขันประเภทหญิงขึ้นระหว่างมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดกับเคมบริดจ์ในปี พ.ศ. 2444 กีฬาฮอกกี้ได้แพร่เข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Constance Applebee โดยได้ให้คำแนะนำในการเล่นระหว่างปิดภาคฤดูร้อนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และหลังจากนั้นมาฮอกกี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่สุภาพสตรีเป็นอย่างมาก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2465 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ก่อตั้งสมาคมขึ้นโดยใช้ชื่อว่าสมาคมฮอกกี้แห่งสหรัฐอเมริกา และได้มีการปรับปรุงพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าขึ้นจนถึงระดับชาติ ในช่วงแรกได้รับความนิยมเล่นเฉพาะในหมู่สตรีเท่านั้น ต่อมาเมื่อกีฬาประเภทนี้ได้บรรจุไว้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งมีการแข่งขันเฉพาะชายเท่านั้น
ในสหรัฐอเมริกามีการก่อตั้งสมาพันธ์กีฬาฮอกกี้หญิงระหว่างประเทศขึ้นในปี พ.ศ. 2475 และได้จัดให้มีการแข่งขันทุกๆ 3 ปี โดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 เป็นต้นมา และสหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งสมาคมฮอกกี้ชายขึ้นในเวลาต่อมา
ฮอกกี้เป็นกีฬาที่เร็วเป็นอันดับหนึ่งของโลก และ เป็นกีฬาที่อันตรายเป็นอันดับสี่ของโลก



ประมาณ ปี 1875  เกมที่คล้ายกับโมเดลฮอกกี้  ได้เริ่มเล่นในประเทศอังกฤษ  แต่ไม่นับว่าได้ประตู  ถ้าหากเขาถูกลูกจากระยะมากกว่า  15  หลา  ซึ่งเป็นส่วนที่ใกล้ประตูที่สุดแต่ผู้เล่นก็ไม่ต้องเป็นกังวลที่จะตั้งรับคู่ต่อสู้นอกครึ่งวงกลม  สโมสรที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยนั้นก็คือ  Wimbledon club เมื่อปี 1883 สมาชิกของเขาได้ใช้เชือกพันไม้แอช (Ash) ให้กลมเป็นลูกบอล
      ต่อมาก็มีสมาคม  หรือ สโมสรต่าง ๆ  เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ในเขตลอนดอน  เกมนี้จึงได้ขยายไปครึ่งเมืองตะวันตก  และทางเหนือของประเทศอังกฤษ  นับแต่นั้นมาก็ได้จัดวันสำคัญของสมาคมฮอกกี้เรียกว่า  bridle-day  อย่างก็ตาม เมื่อวันที่  18  มกราคม  1886  เป็นวันตั้งระเบียบฮอกกี้ขึ้น  และก็ยอมรับเขตยิ่งประตู  เมื่อปี  1895  การแข่งขันระดับชาติเป็นครั้งแรกก็ได้จัดขึ้นระหว่าง อังกฤษ  กับ  ไอร์แลนด์  ผลอังกฤษชนะ  5 – 0  ต่อมาประมาณปี  1900 คณะกรรมการระหว่างชาติก็ได้ปรับปรุงกติกา  ซึ่งเป็นที่ตระหนักดีว่า  กรุงเหล่านี้จะคุ้มครองแคว้น  ไอร์แลนด์  เวลส์และอังกฤษ  ซึ่งเป็นตัวแทนให้เป็นสมาชิกถาวร  ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นสภากรรมการฮอกกี้ระหว่างชาติ  และเกมนี้ก็ได้แผ่ขยายออกมีสมาชิกเพิ่มขึ้นคือ สก๊อตแลนด์  ในปี 1902  และขยายตัวออกอย่างรวดเร็วตลอด  British Isles  จนกระทั่งมีสโมสรทั้งหมดประมาณ  100 แห่ง  รวมทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งก็มีบัตรประจำทีมของเขา
ฮอกกี้เป็นเกมที่เล่นบนสนามหญ้าเรียบ  และสนามต้องเป็นพื้นหญ้าที่แข็ง  ซึ่งมีผู้เล่นฝ่ายละ  11  คน  โดยการใช้ไม้งอ ๆ คล้ายกับตะขอตีบอลไปยังประตูฝ่ายตรงข้าม  พิลฮอกกี้มีความแตกต่างไปจากฮอกกี้น้ำแข็ง 
      กล่าวคือ เป็นเกมที่เล่นด้วยไม้ซึ่งชาว  Persians โบราณได้เป็นผู้คิดค้นขึ้น   แล้วได้นำมาเล่นในกรุงโรม  ซึ่งจะเห็นได้ที่เอเธนส์  ในปี 19- - เหตุอันนี้เขาเชื่อแน่ว่าเกมที่ใช้ไม้ตีมาจากตะวันออก  ซึ่งนาย The mistocle  ได้พบรูปแกะสลักบนฝาผนัง  เมื่อปี  515 – 449 B.C. ซึ่งเขาได้บรรยายไว้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้  ซึ่งคล้ายคลึงกับเกมส์ปัจจุบันมาก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น